วิกฤตที่โลกควรตระหนักกับไฟป่าครั้งใหญ่ของอเมซอน
จากข่าวที่กำลังเป็นกระแสจนติดแฮชแท็กขึ้นอันดับหนึ่งในขณะนี้กับ ไฟป่าอเมซอนที่กำลังโหมลุกไหม้อย่างหนักหน่วง ที่ขณะนี้ได้ลุกไหม้เข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 แล้วนั้น ส่งผลให้ทั้งผืนป่าและสัตว์ป่าหลากชนิดที่อาศัยอยู่ในป่าอเมซอน ถูกทำลายและเสียหายเป็นอย่างมาก สัตว์หลายชนิดต้องล้มตายด้วยการถูกไฟคลอก ซึ่งไม่มีที่หลบภัย รวมถึงต้นไม้ต่างๆ ก็ถูกทำลายลงเป็นจำนวนมากจากไฟป่าที่ลุกลามอย่างหนัก ส่งผลให้ประชาคมโลกหันมาให้ความตื่นตัวกับวิกฤติการณ์นี้กันทั่วโลก
ไฟป่าอเมซอนกับความเสียหายที่กระตุ้นให้ผู้คนหันมารักษ์โลก
เพราะความเสียหายที่นับว่าเป็นครั้งที่รุนแรงมาก เนื่องจากส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้ไฟไหม้ป่าอเมซอนคือ มาจากเงื้อมมือของมนุษย์ จากการที่มนุษย์เข้าไปบุกรุกแผ้วถางป่า ประกอบกับความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นทุกปี จึงทำให้เกิดความแห้งแล้งและนำมาซึ่งไฟป่าที่ลุกลามนั้น จริงๆ เหตุการณ์ไฟไหม้ป่านั้นเกิดขึ้นทุกปี แต่สำหรับปีนี้นับว่าสร้างความรุนแรงที่เสียหายเป็นจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งในขณะนี้ไฟได้ไหม้ลุกลามเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 จนกระทั่งลามไหม้เกือบครึ่งทุกพื้นที่ของป่าอเมซอนแล้ว
หน่วยงานต่างๆ ยังคงระดมให้ความร่วมมือกันทุกฝ่าย เพื่อช่วยเหลือการดับไฟในครั้งนี้ รวมทั้งเหล่าดาราชั้นนำระดับโลกต่างๆ หรือเซเลปที่มีชื่อเสียงทั่วไป ต่างหันมาให้ความสนใจและร่วมมือกันกระตุ้นเพื่อระดมความช่วยเหลือให้กับชาวบราซิลเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระแสนี้ก็เป็นผลดีกับการสร้างค่านิยมให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจและดูแลรักษาธรรมชาติกันมากขึ้น เพราะเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าอเมซอนในครั้งนี้นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความรุนแรงที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งฝุ่นควันที่เกิดจากไฟไหม้ป่าปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของป่าอเมซอน จนมองเห็นได้ในชั้นบรรยากาศ สร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนยิ่งนัก
ด้วยเหตุนี้เราทุกคนจึงควรร่วมมือร่วมใจ และหันมาให้ความสำคัญกับการปลูกป่ากันมากขึ้น เพราะปรากฎการณ์ที่สร้างความเสียหายจากการที่ป่าใหญ่ถูกทำลาย ใกล้ตัวเราเข้ามาทุกที แม้อเมซอนจะดูเป็นป่าผืนใหญ่ระดับโลกก็ยังคงถูกทำลายลงด้วยส่วนหนึ่งจากเงื้อมมือของมนุษย์ ดังนั้นเราจึงควรหันมาเปลี่ยนมุมมองทางความคิด ด้วยการให้ความสำคัญกับการปลูกป่า เพราะหากไม่หันมาร่วมมือกันดูแลรักษาธรรมชาติ และร่วมกันปลูกต้นไม้ให้มากขึ้นแล้ว โลกในอนาคตก็อาจจะอยู่ยากขึ้นทุกทีๆ เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการปลูกต้นไม้ทดแทนส่วนที่ถูกทำลายลงไปนั่นเอง
ขอบคุณรูปภาพจาก https://pixabay.com
